บทความ

ทำความรู้จักกับฉนวนกันความร้อนกัน

ฉนวนกันความร้อน มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติในการใช้งานอย่างไร (Insulation sheet for Architectural)

ฉนวนกันความร้อนคืออะไร คือวัสดุที่สามารถสกัดความร้อนไม่ให้ส่งผ่านไปยังส่วนอื่น ๆ โดยมีลักษณะเบา ประกอบด้วยฟองอากาศเล็ก ๆ จำนวนมากซึ่งมีคุณสมบัติสกัดกั้นความร้อนให้อยู่ในฟองอากาศ จึงไม่นำพาความร้อนไปยังส่วนอื่น ๆ ซึ่งในด้านการตกแต่งบ้าน นิยมนำมาใช้ติดตั้งไว้บนโครงหลังคาบ้าน เพื่อลดความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ไม่ให้ส่งผ่านเข้ามาในบ้าน จนทำให้บ้านเกิดความร้อน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ติดตั้งบริเวณฝ้าเพดานได้เช่นกัน

ฉนวนแต่ละชนิด จะมีการต้านทานความร้อนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งฉนวนที่ดีจะต้องต้านทานความร้อนที่ผ่านจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งให้ลด ลงเหลือน้อยที่สุด ทั้งนี้ ถ้า ค่าสัมประสิทธิ์ของการนำความร้อน ( ค่า K) ยิ่งน้อย แสดงว่าเป็นฉนวนที่สามารถต้านทานความร้อนได้ดีกว่า

 

 

ฉนวนกันความร้อนมีกี่ชนิด

1. ฉนวนอลูมิเนียมฟอยล์ (Aluminium Foil)

มีลักษณะเป็นแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์  2 หน้า พื้นผิวมีความบางเรียบ และมีความเหนียว จึงทำให้ค่อนข้างคงทน ไม่ฉีกขาดง่าย หน้าที่ในการสะท้อนความร้อน ซึ่งหากเลือกใช้อลูมิเนียมฟอยล์บริสุทธิ์ทั้ง 2 ด้าน จะสามารถสะท้อนความร้อนได้สูงถึง 95-97% ฉนวนอลูมิเนียมฟอยล์ช่วยสะท้อนความร้อน แต่ไม่ได้ช่วยป้องกันความร้อนที่เข้าสู่ภายในบ้านมากนัก จึงมักจะติดตั้งในส่วนบริเวณของโครงหลังคาและควรใช้งานร่วมกับฉนวนประเภทอื่นๆ แต่ฉนวนประเภทนี้ เป็นฉนวนกันความร้อนที่หาซื้อง่าย ราคาไม่สูงมากนัก อีกทั้งยังไม่มีสารระคายเคืองหรือเป็นพิษอีกด้วย

ข้อดี/คุณสมบัติ

  • มีค่าการแผ่รังสีความร้อน (Emissivity) ของผิวอลูมิเนียมต่ำ
  • ประสิทธิภาพในการสะท้อนความร้อนสูงสุด 97%
  • มีความทนทานต่อแรงดึง จึงทำให้ไม่ฉีกขาดง่าย
  • เป็นฉนวนกันความร้อนที่ไม่มีสารระคายเคือง หรือเป็นพิษต่อมนุษย์
  • ราคาประหยัดและหาซื้อได้ง่าย
  • ทนต่อความชื้นได้ค่อนข้างดี

ข้อเสีย/ข้อจำกัด

  • เป็นฉนวนที่ไม่มีคุณสมบัติเรื่องการกันเสียง
  • ถึงแม้จะมีค่าสะท้อนความร้อน แต่ไม่กันความร้อนเข้าตัวบ้าน จึงควรติดตั้งในบริเวณโครงหลังคา และติดตั้งฉนวนประเภทอื่นๆ เพื่อเสริมคุณสมบัติกันความร้อน

ราคาโดยประมาณ : ราคาเริ่มต้น ม้วนละ 1,000 บาท

 

2. ฉนวนใยเซลลูโลส (Cellulose)

ฉนวนป้องกันความร้อนใยเซลลูโลส เป็นฉนวนที่มาจากกระบวนการรีไซเคิล ด้วยการนำเยื่อไม้หรือเยื่อกระดาษที่ใช้แล้วมาย่อยจนละเอียด และประสานเข้าด้วยกันด้วยบอแร็กซ์ ฉนวนประเภทนี้มีให้เลือกด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ ในลักษณะแบบเส้นใยอัดเป็นแผ่น แบบคลุม และแบบฉีดพ่น ซึ่งในปัจจุบันบางยี่ห้อมีการประยุกต์ให้สามารถป้องกันการลามไฟได้ โดยการใส่สารช่วยกันลามไฟลงในเยื่อกระดาษ เพื่อให้สามารถป้องกันไฟได้ระดับหนึ่ง หรือเมื่อโดนไฟไหม้จะมีควันและดับไปเอง แต่ในกรณีนี้ต้องผ่านการผสมด้วยองค์ประกอบที่ถูกต้อง ฉนวนใยเซลลูโลสจึงเหมาะกับการประยุกต์ใช้งานผนังห้องหรือ ผนังของอาคาร รวมถึงใต้หลังคาของอาคาร

ข้อดี/คุณสมบัติ

  • ฉนวนใยเซลลูโลสบางแบรนด์ มีคุณสมบัติกันความร้อนได้สูงสุด 90%
  • ฉนวนใยเซลลูโลสบางแบรนด์ สามารถลดเสียงก้องเสียงสะท้อนได้ถึง 75%
  • ตัววัสดุมีความเสี่ยงต่อการระคายเคืองของผิวหนังต่ำ
  • มีรูปแบบให้เลือก ทั้งแบบเส้นใยอัดเป็นแผ่น แบบคลุม และแบบฉีดพ่น
  • เป็นวัสดุรีไซเคิล

ข้อเสีย/ข้อจำกัด

  • ฉนวนรูปแบบพ่น การควบคุมความหนาแน่นอาจไม่ได้มาตรฐานตามกำหนด มีโอกาสทำให้ฉนวนยุบตัวลงทีละน้อย
  •  เป็นเส้นใยธรรมชาติ ติดไฟได้ จึงมักมีการใส่สารไม่ลามไฟ
  • มีโอกาสหลุดล่อนได้
  • ไม่ทนน้ำและความชื้นมากนัก

 

3. ฉนวนโพลียูริเทน (Polyurethane)

ฉนวนโพลียูริเทน หรือ ฉนวน PU Foam เป็นเทคโนโลยีการฉีดโฟมเพื่อป้องกันความร้อน มีเนื้อที่ละเอียด โครงสร้างเป็นเซลล์ปิด( Closed Cell)  มีช่องอากาศเป็นโพรง เรียกว่า Air  Gap เป็นจำนวนมาก จึงสามารถแนบไปกับแผ่นใต้หลังคาได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีปัญหาเรื่องระบายความร้อน ฉนวนโพลียูริเทนมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ แบบสำเร็จรูปที่มาพร้อมกับแผ่นหลังคา กับแบบโฟมสำหรับฉีดพ่น ทางเราจึงเลือกใช้ฉนวนพียูโฟมเพื่อกันความร้อน ทั้งส่วนของผนังและหลังคา

ข้อดี/คุณสมบัติ

  • กันความร้อนได้ดีมากที่สุดเมื่อเทียบกับฉนวนประเภทอื่นๆ
  • สามารถลดการแผ่รังสีจากแสงแดดซึ่งผ่านทางหลังคาได้มากกว่า 90%
  • สามารถป้องกันเสียงรบกวนได้ดี
  • ป้องกันการรั่วซึมกันความชื้น และกันสนิมได้เป็นอย่างดี
  • ใช้ได้ดีกับหลังคาทุกประเภท เช่น กระเบื้อง สังกะสี อลูมิเนียม คอนกรีต เหล็ก
  • มีเนื้อที่ละเอียด สามารถแนบไปกับแผ่นใต้หลังคาได้เป็นอย่างดี
  • ฉนวนโพลียูริเทนแบบโฟมสำหรับฉีดพ่น สามารถนำไปฉีดพ่นไว้บริเวณใต้หลังคาเก่าได้
  • สามารถหุ้มผนังห้องเย็นได้ทุกด้าน

ข้อเสีย/ข้อจำกัด

  • กรณีไฟไหม้ขึ้นจะสามารถติดไฟได้ ณ บริเวณจุดนั้น แต่ไม่เกิดการลุกลามไฟ
  • เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ มีโอกาสเกิดควันพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพในการสูดดม
  • มีจุดหลอมเหลวต่ำ หากโดนอุณหภูมิร้อนจัดอาจทำให้เปลี่ยนสภาพ
  • การฉีดพ่นหากช่างขาดความเชี่ยวชาญ อาจทำให้ฉนวนฟุ้งกระจายได้

ราคาเริ่มต้น ประมาณ 300 บาท/ตารางเมตร

 

4. ฉนวนแคลเซี่ยมซิลิเกต (Calcium Silicate)

ฉนวนแคลเซี่ยมซิลิเกต คือ ฉนวนที่มีลักษณะพรุน ส่วนผสมประกอบไปด้วย ทราย ซิลิเซียส น้ำปูนขาว ตามด้วยเส้นใยเพื่อเพิ่มการเสริมแรง มักจะไม่ผสม Asbestos จึงทำให้ไม่มีสารพิษ ฉนวนแคลเซี่ยมซิลิเกต มีทั้งแบบเป็นใยแร่ และเส้นใยสังเคราะห์ เป็นฉนวนที่มีความสามารถในการปรับตั้งค่าในแต่ละอุณหภูมิได้รวดเร็วตามสภาพงาน สามารถตัดต่อเหมือนแผ่นยิบซั่ม แต่มีคุณสมบัติในการต้านทานความร้อน ทาสีทับได้ และค่อนข้างทนไฟ นิยมนำไปใช้ในการหุ้มท่อและภาชนะในกระบวนการทางอุตสาหกรรม

ข้อดี/คุณสมบัติ

  • มีคุณสมบัติในการต้านทานความร้อน
  • ไม่มีส่วนผสมของใยหิน  เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • มีคุณสมบัติดูดซับเสียงได้ดี
  • มีความหนาแน่นสูง รับแรงกระแทกได้ดี
  • สามารถตัดต่อ หรือทาสีทับได้
  • ต้านไฟไหม้ได้ดี โอกาสติดไฟหรือลามไฟต่ำ

ข้อเสีย/ข้อจำกัด

  • ไอน้ำแทรกซึมได้ง่าย
  • การดูดซึมน้ำสูง

ราคาโดยประมาณ : 150 – 2,000 บาท/แผ่น

 

5. ฉนวนใยแก้ว (Microfiber)

ฉนวนใยแก้ว เส้นใยไฟเบอร์เล็กๆ โครงสร้างของเส้นใยที่ไม่ทึบ คล้ายกับรูพรุน จึงสามารถช่วยลดปริมาณความร้อนที่จะผ่านเข้าสู่ตัวอาคารได้มาก นอกจากนี้ ตัวแผ่นฟอยล์ด้านล่างยังช่วยกั้นไม่ให้ความร้อนบริเวณด้านในฉนวนออกมา อีกทั้งยังมีคุณสมบัติด้านการกันเสียงที่ดี น้ำหนักเบาและมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้เมื่อถูกกดทับจะสามารถคืนตัวได้เร็ว 

ข้อดี/คุณสมบัติ

  • มีคุณสมบัติการนำความร้อนต่ำ
  • ช่วยลดปริมาณความร้อนที่จะผ่านเข้าสู่ตัวอาคาร
  • ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี
  • มีความยืดหยุ่นได้ดี เมื่อถูกกดทับจะสามารถคืนตัวได้เร็ว
  • มีน้ำหนักเบา ทนทาน ไม่เสื่อมสภาพ
  • ป้องกันแมลงหรือเชื้อราได้ดี

ข้อเสีย/ข้อจำกัด

  • ไม่มีคุณสมบัติกันลามไฟ
  • เส้นใยอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • มีโอกาสเกิดละอองขนาดเล็กๆ เมื่อเสื่อมสภาพ
  • ไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่เปิดโล่ง
  • ตัวประสาน (binder) อาจลุกไหม้ได้เมื่อติดไฟ
  • อัตราการแทรกซึมของไอน้ำสูง จึงควรมีวัสดุหุ้มกันไอน้ำ

ราคาโดยประมาณ : ม้วนละ 1,500 บาทขึ้นไป

 ที่มา https://www.wazzadu.com/

 

 

บทความล่าสุด